ข้อ ๑. ร.ต.อ.ก้อง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน ๕ นายไปขอตรวจค้นบ้านนายโก้ตามหมายค้น โดยแสดงหมายค้นให้นายโก้ดู นายโก้ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้น โดยใช้มือผลักอก ร.ต.อ.ก้อง และพูดด่า ร.ต.อ.ก้องกับพรรคพวกว่า “ไอ้พวกอันธพาล ไอ้พวกฉิบหาย ไอ้มือปืน” ดังนี้ นายโก้จะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานฐานใดหรือไม่
ก. ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคแรกและดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๖
ข. ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสองแต่ไม่ผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๖
ค. ไม่ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเพราะเป็นผู้ต้องหา แต่ผิดดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๖
ง. ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสองและผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๖
(ตอบ ง. เจ้าพนักงานปฏิบัติการอันชอบด้วยหน้าที่ การผลักอกใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา ๑(๖) จึงเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง ถ้อยคำที่กล่าวนั้นเป็นการสบประมาท ดูถูก เหยียดหยาม เป็นดูหมิ่น ตามฎีกาที่ ๕๔๗๙/๒๕๓๖)
ข้อ ๒. ข้อใดไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
ก. นายแผนเคยจดทะเบียนสมรสและหย่าแล้ว แต่เมื่อมาขอจดทะเบียนสมรสกับนางสาวพิม ได้แจ้งต่อนายทะเบียนว่าไม่เคยสมรสมาก่อน
ข. บิดาของนายช้างขายที่ดินไปแล้ว แต่นายช้างไปแจ้งตำรวจว่าใบรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน (น.ส.๓) หาย เพื่อขอออกใบแทน
ค. นายเอทราบดีว่ามีผู้เอาใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ไป แต่นายเอกลับไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าใบคู่มือทะเบียนรถยนต์สูญหายไป
ง. นายดำแทงนายขาวตายแล้ว กลับไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจกล่าวหาว่านายขาวลักทรัพย์ ตนจะจับแต่นายขาวจะทำร้ายจึงต้องป้องกันตัวซึ่งไม่เป็นความจริง
(ตอบ ก. ไม่ผิดตามฎีกาที่ ๑๒๓๗/๒๕๔๔, ข. ฎีกาที่ ๑๙๕๕/๒๕๔๖, ค. ฎีกาที่ ๓๑๖๒/๒๕๔๐, ง. ฎีกาที่ ๑๒๒๒/๒๔๙๘)
ข้อ ๓. การกระทำของนายขาวตามข้อใดไม่เป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
ก. นายขาวผลักและดันตำรวจที่จับเพื่อแย่งถุงพลาสติกที่ใส่ยาเสพติดไป
ข. นายขาวถูกตำรวจจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ ระหว่างที่นำตัวนายขาวไปที่รถ นายขาวดิ้นรนสะบัดหลุดจากการคุมตัวของตำรวจแล้ววิ่งหนีไป
ค. ขณะที่ตำรวจเข้าจับนายขาวในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน นายขาวดิ้นรนและชกหน้าตำรวจจนฟันหัก
ง. ตำรวจเข้าค้นและจับผู้เล่นการพนันอันเป็นความผิดซึ่งหน้าในเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายค้น นายขาวขัดขวางการจับกุมโดยใช้มือดึงผู้เล่นการพนันให้ออกไป
(ตอบ ข. ฎีกาที่ ๕๙๘๐/๒๕๔๐ การดิ้นรนให้หลุดพ้นการควบคุมไม่เป็นการต่อสู้หรือขัดขวาง)
ข้อ ๔. พ.ต.ท.รุ่ง กับตำรวจอื่นอีก ๕ นาย จะเข้าทำการจับกุมนายเลวกับพรรคพวกซึ่งตั้งรถเข็นขายสินค้าบนทางเท้า นายเลวพูดจาข่มขู่ ร.ต.ท.รุ่งว่า “ถ้าจับมีเรื่องแน่” พร้อมชี้มือลักษณะข่มขู่ และพวกของนายเลว ๓๐-๔๐ คนได้เดินเข้ามา ร.ต.ท.รุ่ง กลัวว่านายเลวกับพวกจะทำร้าย จึงพากันถอยออกไปไม่ได้จับกุม ดังนี้ นายเลวมีความผิดต่อเจ้าพนักงานอย่างไร
ก. ผิดฐานข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙
ข. ผิดฐานพยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙,๘๐
ค. ผิดพยายามต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘,๘๐
ง. ไม่มีข้อใดถูก
(ตอบ ก. ฎีกาที่ ๑๒๖๖/๒๕๓๐ เป็นการข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย)
ข้อ ๕. เจ้าพนักงานตำรวจแสดงตัวจับนายไก่ตามหมายจับในข้อหาลักทรัพย์ นายเป็ดซึ่งมาด้วยกันกับนายไก่ได้เงื้อหมัดและขู่ว่าอย่าจับ หากเข้ามาจับจะชก เจ้าพนักงานตำรวจไม่กลัวได้เข้าไปจับนายไก่ไว้ได้ ส่วนนายเป็ดวิ่งหนีไป ดังนี้ นายเป็ดจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก. พยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙,๘๐ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง
ข. ข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙ และพยายามต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘,๘๐
ค. พยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙,๘๐ แต่ไม่ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘
ง. ข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง
(ตอบ ก. เจ้าพนักงานไม่กลัวเป็นพยายามข่มขืนใจ เทียบฎีกาที่ ๒๙๘๙/๒๕๓๗)
ข้อ ๖. ข้อใดต่อไปนี้ผู้กระทำไม่มีความผิดฐานเป็นคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๓
ก. นายเอกเรียกเงินจากนายโทอ้างว่าจะนำไปให้ผู้พิพากษาเพื่อให้รอการลงโทษจำคุกในคดีที่นายโทถูกฟ้อง โดยที่นายเอกไม่ตั้งใจเอาทรัพย์ที่เรียกไปให้ผู้พิพากษาเลย
ข. นายสดเรียกเงินจากนายใสโดยอ้างว่าจะนำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือให้นายใสสอบคัดเลือกเข้ารับราชการได้ แต่นายใสไม่เชื่อจึงไม่ยอมให้เงินนายสด
ค. นายแสบเรียกเงินจากนายสีอ้างว่าจะนำไปจูงใจผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้พิพากษายกฟ้องในคดีที่นายสีกับพวกเป็นจำเลย โดยผู้พิพากษาที่นายแสบอ้างมิได้เป็นองค์คณะที่พิจารณาคดีนั้น
ง. นายดำเรียกเงินจากนางแสดเพื่อนำไปมอบให้จ่าสิบตำรวจเขียวเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจจ่าสิบตำรวจเขียวไม่ให้เบิกความต่อศาลตามความจริงว่าเห็นสามีของนางแสดร่วมในการทำร้ายด้วย
(ตอบ ง. ไม่ผิดเพราะการเบิกความไม่ใช่หน้าที่โดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ฎีกาที่ ๕๑๑/๒๕๑๖ )
ข้อ ๗. นายเสือเป็นพนักงานของเทศบาลเมืองสามพราน แต่งเครื่องแบบตำรวจยศพันตำรวจโท ขับรถยนต์มาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านเรียกให้นายเสือหยุดรถและขอตรวจค้นภายในรถ นายเสือบอกกับตำรวจที่จะตรวจค้นว่า “ค้นไม่ได้โว้ย กูเป็นตำรวจ” ดังนี้ นายเสือผิดอย่างไรหรือไม่
ก. ผิดแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๕
ข. ผิดสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิตามมาตรา ๑๔๖
ค. ผิดทั้งแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๕ และผิดฐานสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิตามมาตรา ๑๔๖
ง. ไม่ผิดฐานใดเพราะตนเองเป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้ว
(ตอบ ข. ไม่ผิดมาตรา ๑๔๕ เพราะเพียงแต่แสดงตนเป็นตำรวจแต่มิได้กระทำการใดอย่างเจ้าพนักงานตำรวจ ฎีกาที่ ๔๐๖/๒๕๒๐)
ข้อ ๘. ในคดีที่นายแบนถูกฆ่า เจ้าพนักงานตำรวจจับนายกลิ้งผู้ต้องหา โดยมีนายกลอกอ้างตัวเป็นพยานผู้รู้เห็น นายกลิ้งให้การต่อพนักงานสอบสวนปฏิเสธว่าตนไม่ได้ฆ่า ทั้งที่ความจริงนายกลิ้งเป็นผู้ฆ่านายแบน ส่วนนายกลอกมิได้เห็นเหตุการณ์แต่อย่างใด กลับให้การว่าเห็นนายกลิ้งชกต่อยทำร้ายนายแบนและใช้มีดแทงจนนายแบนตาย ดังนี้ นายกลิ้งและนายกลอกจะมีความผิดเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จประการใดหรือไม่
ก. ทั้งนายกลิ้งและนายกลอกผิดฐานแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาตามมาตรา ๑๗๒
ข. นายกลิ้งไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จแต่ประการใด ส่วนนายกลอกมีความผิดฐานแจ้งความเท็จว่ามีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้นตามมาตรา ๑๗๓
ค. นายกลิ้งไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จแต่ประการใด ส่วนนายกลอกมีความผิดฐานแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาตามมาตรา ๑๗๒
ง. ทั้งนายกลิ้งและนายกลอกไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา ๑๓๗ และมาตรา ๑๗๒ แต่ประการใด
(ตอบ ค. ผู้ต้องหามีสิทธิให้การอย่างไรก็ได้จึงไม่ผิดแจ้งความเท็จ พยานไม่เห็นเหตุการณ์แต่อ้างว่าเห็นเป็นการแจ้งความเท็จ เทียบฎีกาที่ ๙๑๙/๒๕๐๔, ๒๒๔๙/๒๕๑๕)
ข้อ ๙. นายมิ่งเป็นเจ้าพนักงานสังกัดการประถมศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม มีหน้าที่ขับรถของส่วนราชการนั้น นายมิ่งร่วมกับนายแมวซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของการประถมศึกษาดังกล่าวลักดูดน้ำมันรถของส่วนราชการซึ่งตนมีหน้าที่ขับไปขายต่อ ดังนี้ ข้อใดถูกต้อง
ก. นายมิ่งและนายแมวผิดเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗
ข. นายมิ่งผิดเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗ ส่วนนายแมวรับผิดเป็นผู้ใช้ตามมาตรา ๑๔๗, ๘๔
ค. นายมิ่งผิดเป็นเจ้าพนักงานยักยอกตามมาตรา ๑๔๗ ส่วนนายแมวผิดเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๑๔๗, ๘๖
ง. นายมิ่งผิดเป็นเจ้าพนักงานยักยอกตามมาตรา ๑๔๗ ส่วนนายแมวไม่มีความผิดเพราะตนเองไม่ใช่เจ้าพนักงาน
(ตอบ ค. พนักงานขับรถมีหน้าที่ดูแลรักษาน้ำมันในรถยนต์นั้นด้วย เมื่อเอาไปขายจึงเป็นการเบียดบังทรัพย์ที่ตนมีหน้าที่ดูแลผิดมาตรา ๑๔๗ ส่วนลูกจ้างประจำมิใช่เจ้าพนักงานไม่อาจเป็นตัวการร่วมในการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ได้ เมื่อร่วมกับเจ้าพนักงานกระทำผิดจึงเป็นได้เพียงผู้สนับสนุน)
ข้อ ๑๐. จ.ส.ต.เอก เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจราจรแกล้งจับนายมากและแจ้งข้อหาว่าขับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงบริเวณสี่แยกและเรียกเงินจากนายมาก ๕๐๐ บาท โดยมีนายน้อยซึ่งเป็นเพื่อนกับ จ.ส.ต.เอกร่วมอยู่ด้วยช่วยพูดในการเรียกเงิน แต่นายมากไม่ยอมให้ ดังนี้ จ.ส.ต.เอกและนายน้อยต้องรับผิดอย่างไร
ก. จ.ส.ต.เอกผิดเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา ๑๔๘ ส่วนนายน้อยผิดเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๑๔๘, ๘๖
ข. จ.ส.ต.เอกผิดเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๙ ส่วนนายน้อยผิดเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๑๔๙, ๘๖
ค. จ.ส.ต.เอกผิดเจ้าพนักงานพยายามใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา ๑๔๘, ๘๐ ส่วนนายน้อยผิดเป็นตัวการร่วม
ง. จ.ส.ต.เอกผิดเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา ๑๔๘ ส่วนนายน้อยผิดเป็นตัวการร่วมตามมาตรา ๑๔๘, ๘๓
(ตอบ ก. การแกล้งจับเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ เมื่อเรียกเงินก็เป็นความผิดสำเร็จทันทีแม้ผู้ถูกเรียกจะไม่ให้หรือยังไม่ได้ให้ ส่วนราษฎรเป็นได้เพียงผู้สนับสนุน)
ข้อ ๑๑. การกระทำตามข้อใดไม่เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา ๑๕๗
ก. พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้เกินอำนาจที่จะควบคุม
ข. ตำรวจแกล้งจับนายดำหาว่าเมาสุราอาละวาดทั้งที่ไม่เป็นความจริง
ค. เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุม ขู่เข็ญทำร้ายผู้ต้องหาเพื่อให้รับสารภาพ
ง. ตำรวจใส่กุญแจมือนางเม้าผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ แล้วพาเดินตระเวนไปทั่วทั้งตลาดเพื่อให้เกิดความอับอายและไม่ให้คนอื่นเอาอย่าง
(ตอบ ค. ฎีกาที่ ๓๖๔/๒๕๓๑ การทำร้ายไม่เกี่ยวแก่หน้าที่ของตำรวจ , ก. ฎีกาที่ ๖๓๗-๖๓๘/๒๕๐๗ ,ข. ฎีกาที่ ๒๔๔๔/๒๕๒๑, ง. ฎีกาที่ ๗๔๔/๒๕๐๑)
ข้อ ๑๒. ข้อใดถูกต้องตามหลักกฎหมายในความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๙
ก. เพียงแต่เรียกทรัพย์สิน แต่ผู้ถูกเรียกยังไม่ยอมให้ย่อมไม่เป็นความผิด
ข. การเรียกรับทรัพย์สินต้องเป็นการเรียกเพื่อตัวเจ้าพนักงานนั้นเองจึงจะเป็นความผิด
ค. หากเป็นเจ้าพนักงาน แม้ว่าจะมีหน้าที่หรือไม่มีหน้าที่ในการนั้นก็เป็นความผิดทันทีเมื่อเรียกรับทรัพย์สิน
ง. การเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แม้เพื่อกระทำการอย่างใดในตำแหน่งอันชอบด้วยหน้าที่ก็เป็นความผิด
(ตอบ ง. มาตรา ๑๔๙ ความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนนั้นผิดทันทีที่เจ้าพนักงานเรียกทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ โดยมีเจตนาพิเศษเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการในตำแหน่ง “ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ข้อสำคัญคือเจ้าพนักงานนั้นต้องมีหน้าที่ในการนั้นด้วย)
ข้อ ๑๓. ด.ช.แสบ อายุ ๙ ปี นึกสนุกขึ้นมาจึงโทรศัพท์แจ้งแก่เจ้าพนักงานตำรวจ ๑๙๑ ที่รับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายว่ามีการวางระเบิดที่บริเวณสวนสนุกและที่อื่น ๆ อีกหลายจุด ในช่วงวันเด็ก ดังนี้ ด.ช.แสบ จะมีความผิดเกี่ยวกับความเท็จหรือไม่อย่างไร
ก. ผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๗ เท่านั้นเพราะไม่ได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวน
ข. ผิดฐานแจ้งความเท็จว่ามีการกระทำความผิดอาญาตามมาตรา ๑๗๓
ค. ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานเพราะกระทำไปด้วยความคึกคะนองไม่มีเจตนาพิเศษ
ง. ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานเพราะ ด.ช.แสบอายุไม่เกิน ๑๐ ปี กฎหมายยกเว้น
(ตอบ ข. เป็นการแจ้งความเท็จว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เทียบฎีกาที่ ๗๐๐๘/๒๕๔๘ การที่เด็กอายุไม่เกิน ๑๐ ปีกระทำผิดเด็กนั้นมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษตามมาตรา ๗๓ วรรคแรก)
ข้อ ๑๔. ขณะที่ ด.ต.ชัด ควบคุมตัวนายกลมซึ่งเป็นแกนนำผู้ชุมนุมประท้วงปิดถนน นำตัวไปขึ้นรถยนต์สายตรวจไปสถานีตำรวจ นายแบนพวกของนายกลมเข้าไปช่วยนายกลม โดยนายแบนเข้ากอดรัดตัว ด.ต.ชัด ไว้ นายกลมก็สะบัดมือดิ้นรนอย่างแรงจนเท้ากระแทกโดนหน้าแข้งของ ด.ต.ชัด แล้ววิ่งหนีไป ดังนี้ นายแบนและนายกลมจะมีความผิดฐานใด
ก. ทั้งนายแบนและนายกลมผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘
ข. นายแบนผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสองและผิดฐานกระทำให้ผู้ที่ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังตามมาตรา ๑๙๑ ส่วนนายกลมผิดหลบหนีการคุมขังตามมาตรา ๑๙๐
ค. นายกลมผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสองและผิดหลบหนีการคุมขังตามมาตรา ๑๙๐ ส่วนนายแบนเป็นผู้สนับสนุนตามตรา ๑๙๐ ,๘๖
ง. นายแบนผิดกระทำให้ผู้ต้องคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังตามมาตรา ๑๙๑ ส่วนนายกลมผิดหลบหนีการคุมขังตามมาตรา ๑๙๐
(ตอบ ข. เทียบฎีกาที่ ๓๒๔๓/๒๕๒๘)
ข้อ ๑๕. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นบ้านนายอ้วนและนายผอม พบยาบ้าจำนวน ๑๐ เม็ดซุกซ่อนอยู่ในขวดยาเม็ดสมุนไพร จึงจับกุมนายอ้วนและนายผอมพร้อมยึดยาบ้านั้นไว้เป็นของกลางในคดี ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจค้นบ้านของบุคคลทั้งสองต่อไป เจ้าหน้าที่ตำรวจเผลอวางขวดบรรจุยาบ้านั้นไว้ที่โต๊ะ นายแห้งบิดาของนายอ้วนคว้าขวดยาบ้านั้นเททิ้งลงคูน้ำใต้ถุนบ้านเสียเพื่อช่วยบุตรของตนมิให้ต้องรับโทษ ดังนี้ นายแห้งจะมีความผิดฐานใด
ก. ทำลายพยานหลักฐานตามมาตรา ๑๘๔
ข. ทำลายทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรือรักษาไว้ตามมาตรา ๑๔๒
ค. เป็นความผิดตามข้อ ก. และ ข. แต่ศาลจะไม่ลงโทษนายแห้งก็ได้เพราะกระทำไปเพื่อช่วยบุตรของตน
ง. เป็นความผิดตาม ข้อ ก. และ ข. แต่ศาลจะไม่ลงโทษได้เฉพาะความผิดตามมาตรา ๑๘๔ เพราะกระทำไปเพื่อช่วยบุตรของตน
(ตอบ ง. ยาบ้านั้นเจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานแล้ว การเอาไปจึงผิดมาตรา ๑๔๒ และเป็นการทำไปเพื่อช่วยผู้อื่นจึงผิดมาตรา ๑๘๔ อีกบทหนึ่ง ผู้กระทำผิดตามมาตรา ๑๘๔ กระทำไปเพื่อช่วยบุตรของตน ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้ตามมาตรา ๑๙๓)
ข้อ ๑๖. นายยิ่งแต่งกายเหมือนตำรวจนอกเครื่องแบบแต่งกันตามปกติ โดยนุ่งกางเกงสีกากีสวมเสื้อยืดสีขาว คาดเข็มขัดหนัง และไปยืนให้สัญญาณรถยนต์บรรทุกที่ผ่านไปมาให้หยุดเพื่อตรวจแล้วเรียกเงินจากโชเฟอร์ ดังนี้ นายยิ่งจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
ก. เรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๙
ข. สวมเครื่องแบบโดยไม่มีสิทธิตามมาตรา ๑๔๖
ค. แสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๕
ง. เป็นความผิดทั้งตามข้อ ก. ข้อ ข. และ ค.
(ตอบ ค. ฎีกาที่ ๒๐๙๙/๒๕๒๗ ผู้กระทำผิดตามมาตรา ๑๔๙ ต้องเป็นเจ้าพนักงาน)
ข้อ ๑๗. นายไอซ์ค้ายาเสพติดถูกตำรวจจับได้และอยู่ระหว่างการสอบสวน นายไอซ์ได้ขอร้องนางฟ้าใสภริยาของ พ.ต.ท.พายุ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีให้ช่วยพูดจาเกลี้ยกล่อม พ.ต.ท.พายุ ให้สั่งไม่ฟ้อง โดยเสนอให้เงินเป็นค่าตอบแทนในการเจรจาหนึ่งแสนบาทแก่นางฟ้าใส นางฟ้าใสไม่ยอมกระทำตามที่นายไอซ์ขอร้อง ดังนี้ นายไอซ์มีความผิดต่อเจ้าพนักงานฐานใดหรือไม่
ก. ไม่มีความผิดเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิด
ข. ไม่มีความผิดเพราะนางฟ้าใสไม่ยอมกระทำตามที่ขอร้อง
ค. มีความผิดฐานพยายามให้สินเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๔, ๘๖
ง. มีความผิดฐานผู้สนับสนุนนางฟ้าใสในความผิดฐานเป็นคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๓, ๘๖
(ตอบ ก. ไม่ผิดเพราะเป็นการเสนอให้ทรัพย์สินแก่ภริยาเจ้าพนักงาน เพื่อให้ภริยาเจ้าพนักงานจูงใจเจ้าพนักงานอีกทอดหนึ่ง หากนางฟ้าใสยอมรับเงินนั้นไว้เพื่อตอบแทนในการที่ตนจะใช้อิทธิพลจูงใจ พ.ต.ท.พายุ พนักงานสอบสวนให้สั่งไม่ฟ้องนายไอซ์ นางฟ้าใสผิดเป็นคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๓ ทันที ซึ่งการเสนอให้เงินคนกลางไม่มีกฎหมายให้เป็นความผิด)
ข้อ ๑๘ จ่าสิบตำรวจแม้นได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เสมียนเปรียบเทียบและได้ทำงานในหน้าที่นั้น โดยที่ไม่ได้เซ็นทราบคำสั่ง ในการปฏิบัติหน้าที่เสมียนเปรียบเทียบ จ่าสิบตำรวจแม้นได้ทำการแก้หรือลงจำนวนเงินในสำเนาใบเสร็จให้น้อยลงกว่าต้นฉบับแล้วส่งเงินต่ำกว่าจำนวนที่ได้รับจริง ดังนี้ จ่าสิบตำรวจแม้นมีความผิดฐานใดหรือไม่
ก.ผิดฐานปลอมเอกสารในหน้าที่ของตนตามมาตรา ๑๖๑,ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามมาตรา ๒๖๖ และผิดยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๓๕๒
ข. ผิดฐานรับรองเอกสารอันเป็นเท็จตามมาตรา ๑๖๒, และผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗
ค. ผิดฐานปลอมเอกสารในหน้าที่ของตนตามมาตรา ๑๖๑,ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามมาตรา ๒๖๖ และผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗
ง. ผิดฐานปลอมเอกสารในหน้าที่ของตนตามมาตรา ๑๖๑,ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามมาตรา ๒๖๖ แต่ไม่ผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗
(ตอบ ค. ฎีกาที่ ๓๕/๒๕๒๑)
ข้อ ๑๙. กรณีใดที่ไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานช่วยบุคคลมิให้ต้องโทษตามมาตรา ๒๐๐
ก. เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นเพื่อนลักลอบฆ่าโคแต่ไม่จับ กลับเดินเลี่ยงไปทางอื่นเสีย
ข. นายตำรวจยิงคนตายแล้วขัดขวางไม่ให้มีการแจ้งความ จดบันทึกประจำวันและสอบสวนเท็จเพื่อช่วยตนเอง
ค. ผู้ใหญ่บ้านระงับคดีลักกระบือโดยบิดผันเป็นทำให้กระบือตายโดยไม่เจตนา
ง. รองผู้กำกับการไม่จับกุมผู้ต้องหาว่ายักยอกกลับรู้เห็นเป็นใจให้หลบหนีออกนอกประเทศ
(ตอบ ข. ฎีกาที่ ๗๑๗/๒๕๑๑ การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยตนเองมิให้ต้องรับโทษผิดมาตรา ๑๕๗ แต่ไม่ผิดมาตรา ๒๐๐ เพราะมาตรา ๒๐๐ ต้องเพื่อช่วยผู้อื่น, ก. ฎีกาที่ ๓๗๔/๒๔๗๒ ,ค. ฎีกาที่ ๙๑๒/๒๔๙๘ ,ง. ฎีกาที่ ๑๐๘๘/๒๔๗๕)
ข้อ ๒๐. ถ้าเจ้าพนักงานผู้กระทำให้ผู้ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังไป จัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังนั้นกลับคืนมา อันเป็นเหตุให้งดการลงโทษแก่ผู้กระทำผิดนั้น ดังนี้ ข้อใดไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์
ก. ต้องให้ได้ตัวผู้ถูกคุมขังคืนมาภายใน ๓ เดือน
ข. ต้องได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังกลับคืนมาครบจำนวนที่หลุดพ้นไป
ค. เป็นการทำให้ผู้ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังโดยเจตนาหรือประมาทก็ได้
ง. ไม่จำเป็นต้องไปจับตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังกลับคืนมาด้วยตนเอง แต่อาจไปจ้างวานให้คนอื่นจับกลับมาก็ได้
(ตอบ ค. เหตุการณ์ลงโทษมีเฉพาะกรณีตามมาตรา ๒๐๕ อันเป็นการกระทำโดยประมาทเท่านั้น)
************************************
แบบทดสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญาภาคความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานและตำแหน่งหน้าที่ (มาตรา ๑๓๖ ถึงมาตรา ๒๐๕)ของ พันตำรวจเอกหญิง ธนพร วุฒิกรวิภาค ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (สบ ๔) กลุ่มงานคณาจารย์คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนายร้อยตำรวจ หากมีข้อสงสัยอย่างไรสามารถแสดงความคิดเห็นได้
ตอบลบ