วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

แบบทดสอบกฎหมายอาญาภาคความผิดต่อเจ้าพนักงานและตำแหน่งหน้าที่

ข้อ  ๑.  ร.ต.อ.ก้อง  นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน ๕ นายไปขอตรวจค้นบ้านนายโก้ตามหมายค้น  โดยแสดงหมายค้นให้นายโก้ดู  นายโก้ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้น  โดยใช้มือผลักอก ร.ต.อ.ก้อง  และพูดด่า ร.ต.อ.ก้องกับพรรคพวกว่า  ไอ้พวกอันธพาล  ไอ้พวกฉิบหาย  ไอ้มือปืน  ดังนี้  นายโก้จะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานฐานใดหรือไม่
                ก. ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคแรกและดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๖
          ข. ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสองแต่ไม่ผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๖
          ค. ไม่ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานเพราะเป็นผู้ต้องหา แต่ผิดดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๖
          ง. ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสองและผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๖
(ตอบ  ง. เจ้าพนักงานปฏิบัติการอันชอบด้วยหน้าที่  การผลักอกใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา ๑(๖)  จึงเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง  ถ้อยคำที่กล่าวนั้นเป็นการสบประมาท ดูถูก เหยียดหยาม เป็นดูหมิ่น ตามฎีกาที่ ๕๔๗๙/๒๕๓๖)

ข้อ  ๒.  ข้อใดไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน
          ก. นายแผนเคยจดทะเบียนสมรสและหย่าแล้ว  แต่เมื่อมาขอจดทะเบียนสมรสกับนางสาวพิม  ได้แจ้งต่อนายทะเบียนว่าไม่เคยสมรสมาก่อน
          ข. บิดาของนายช้างขายที่ดินไปแล้ว  แต่นายช้างไปแจ้งตำรวจว่าใบรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน (น.ส.๓) หาย  เพื่อขอออกใบแทน
          ค. นายเอทราบดีว่ามีผู้เอาใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ไป  แต่นายเอกลับไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าใบคู่มือทะเบียนรถยนต์สูญหายไป
          ง. นายดำแทงนายขาวตายแล้ว  กลับไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจกล่าวหาว่านายขาวลักทรัพย์  ตนจะจับแต่นายขาวจะทำร้ายจึงต้องป้องกันตัวซึ่งไม่เป็นความจริง
(ตอบ  ก. ไม่ผิดตามฎีกาที่ ๑๒๓๗/๒๕๔๔,  ข.  ฎีกาที่ ๑๙๕๕/๒๕๔๖,  ค.  ฎีกาที่ ๓๑๖๒/๒๕๔๐,  ง.  ฎีกาที่ ๑๒๒๒/๒๔๙๘)

ข้อ  ๓.  การกระทำของนายขาวตามข้อใดไม่เป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
          ก. นายขาวผลักและดันตำรวจที่จับเพื่อแย่งถุงพลาสติกที่ใส่ยาเสพติดไป
          ข. นายขาวถูกตำรวจจับกุมในข้อหาลักทรัพย์  ระหว่างที่นำตัวนายขาวไปที่รถ  นายขาวดิ้นรนสะบัดหลุดจากการคุมตัวของตำรวจแล้ววิ่งหนีไป
          ค. ขณะที่ตำรวจเข้าจับนายขาวในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน  นายขาวดิ้นรนและชกหน้าตำรวจจนฟันหัก
          ง. ตำรวจเข้าค้นและจับผู้เล่นการพนันอันเป็นความผิดซึ่งหน้าในเวลากลางคืนโดยไม่มีหมายค้น  นายขาวขัดขวางการจับกุมโดยใช้มือดึงผู้เล่นการพนันให้ออกไป
(ตอบ  ข.  ฎีกาที่ ๕๙๘๐/๒๕๔๐  การดิ้นรนให้หลุดพ้นการควบคุมไม่เป็นการต่อสู้หรือขัดขวาง)

ข้อ  ๔. พ.ต.ท.รุ่ง กับตำรวจอื่นอีก ๕ นาย จะเข้าทำการจับกุมนายเลวกับพรรคพวกซึ่งตั้งรถเข็นขายสินค้าบนทางเท้า  นายเลวพูดจาข่มขู่ ร.ต.ท.รุ่งว่า  “ถ้าจับมีเรื่องแน่” พร้อมชี้มือลักษณะข่มขู่ และพวกของนายเลว ๓๐-๔๐ คนได้เดินเข้ามา  ร.ต.ท.รุ่ง กลัวว่านายเลวกับพวกจะทำร้าย จึงพากันถอยออกไปไม่ได้จับกุม  ดังนี้  นายเลวมีความผิดต่อเจ้าพนักงานอย่างไร
          ก. ผิดฐานข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙ 
          ข. ผิดฐานพยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙,๘๐
          ค. ผิดพยายามต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘,๘๐
          ง. ไม่มีข้อใดถูก
(ตอบ  ก.  ฎีกาที่  ๑๒๖๖/๒๕๓๐  เป็นการข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่  โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย)

ข้อ  ๕.  เจ้าพนักงานตำรวจแสดงตัวจับนายไก่ตามหมายจับในข้อหาลักทรัพย์  นายเป็ดซึ่งมาด้วยกันกับนายไก่ได้เงื้อหมัดและขู่ว่าอย่าจับ  หากเข้ามาจับจะชก  เจ้าพนักงานตำรวจไม่กลัวได้เข้าไปจับนายไก่ไว้ได้  ส่วนนายเป็ดวิ่งหนีไป  ดังนี้  นายเป็ดจะมีความผิดฐานใดหรือไม่
          ก. พยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙,๘๐ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง
          ข. ข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙ และพยายามต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘,๘๐
          ค. พยายามข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙,๘๐  แต่ไม่ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘
          ง. ข่มขืนใจเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๙ และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสอง
(ตอบ  ก. เจ้าพนักงานไม่กลัวเป็นพยายามข่มขืนใจ เทียบฎีกาที่ ๒๙๘๙/๒๕๓๗)

ข้อ  ๖.  ข้อใดต่อไปนี้ผู้กระทำไม่มีความผิดฐานเป็นคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๓
          ก. นายเอกเรียกเงินจากนายโทอ้างว่าจะนำไปให้ผู้พิพากษาเพื่อให้รอการลงโทษจำคุกในคดีที่นายโทถูกฟ้อง  โดยที่นายเอกไม่ตั้งใจเอาทรัพย์ที่เรียกไปให้ผู้พิพากษาเลย
          ข. นายสดเรียกเงินจากนายใสโดยอ้างว่าจะนำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือให้นายใสสอบคัดเลือกเข้ารับราชการได้  แต่นายใสไม่เชื่อจึงไม่ยอมให้เงินนายสด
          ค. นายแสบเรียกเงินจากนายสีอ้างว่าจะนำไปจูงใจผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อให้พิพากษายกฟ้องในคดีที่นายสีกับพวกเป็นจำเลย  โดยผู้พิพากษาที่นายแสบอ้างมิได้เป็นองค์คณะที่พิจารณาคดีนั้น
          ง. นายดำเรียกเงินจากนางแสดเพื่อนำไปมอบให้จ่าสิบตำรวจเขียวเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจจ่าสิบตำรวจเขียวไม่ให้เบิกความต่อศาลตามความจริงว่าเห็นสามีของนางแสดร่วมในการทำร้ายด้วย
(ตอบ  ง.  ไม่ผิดเพราะการเบิกความไม่ใช่หน้าที่โดยตรงอันสืบเนื่องมาจากการที่เป็นเจ้าพนักงานตำรวจ  ฎีกาที่ ๕๑๑/๒๕๑๖  )

ข้อ  ๗.  นายเสือเป็นพนักงานของเทศบาลเมืองสามพราน  แต่งเครื่องแบบตำรวจยศพันตำรวจโท  ขับรถยนต์มาถึงด่านตรวจ  เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านเรียกให้นายเสือหยุดรถและขอตรวจค้นภายในรถ  นายเสือบอกกับตำรวจที่จะตรวจค้นว่า ค้นไม่ได้โว้ย กูเป็นตำรวจ  ดังนี้  นายเสือผิดอย่างไรหรือไม่
          ก. ผิดแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๕
          ข. ผิดสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานของเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิตามมาตรา ๑๔๖
          ค. ผิดทั้งแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๕  และผิดฐานสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงานโดยไม่มีสิทธิตามมาตรา ๑๔๖
          ง. ไม่ผิดฐานใดเพราะตนเองเป็นเจ้าพนักงานอยู่แล้ว
(ตอบ  ข.  ไม่ผิดมาตรา ๑๔๕ เพราะเพียงแต่แสดงตนเป็นตำรวจแต่มิได้กระทำการใดอย่างเจ้าพนักงานตำรวจ  ฎีกาที่ ๔๐๖/๒๕๒๐)

ข้อ  ๘.  ในคดีที่นายแบนถูกฆ่า  เจ้าพนักงานตำรวจจับนายกลิ้งผู้ต้องหา  โดยมีนายกลอกอ้างตัวเป็นพยานผู้รู้เห็น  นายกลิ้งให้การต่อพนักงานสอบสวนปฏิเสธว่าตนไม่ได้ฆ่า  ทั้งที่ความจริงนายกลิ้งเป็นผู้ฆ่านายแบน  ส่วนนายกลอกมิได้เห็นเหตุการณ์แต่อย่างใด  กลับให้การว่าเห็นนายกลิ้งชกต่อยทำร้ายนายแบนและใช้มีดแทงจนนายแบนตาย ดังนี้ นายกลิ้งและนายกลอกจะมีความผิดเกี่ยวกับการแจ้งความเท็จประการใดหรือไม่
          ก. ทั้งนายกลิ้งและนายกลอกผิดฐานแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาตามมาตรา ๑๗๒
          ข. นายกลิ้งไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จแต่ประการใด  ส่วนนายกลอกมีความผิดฐานแจ้งความเท็จว่ามีการกระทำความผิดอาญาเกิดขึ้นตามมาตรา ๑๗๓
          ค. นายกลิ้งไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จแต่ประการใด  ส่วนนายกลอกมีความผิดฐานแจ้งความเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาตามมาตรา ๑๗๒
          ง. ทั้งนายกลิ้งและนายกลอกไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา ๑๓๗ และมาตรา ๑๗๒ แต่ประการใด
(ตอบ  ค. ผู้ต้องหามีสิทธิให้การอย่างไรก็ได้จึงไม่ผิดแจ้งความเท็จ  พยานไม่เห็นเหตุการณ์แต่อ้างว่าเห็นเป็นการแจ้งความเท็จ  เทียบฎีกาที่ ๙๑๙/๒๕๐๔, ๒๒๔๙/๒๕๑๕)

ข้อ  ๙.  นายมิ่งเป็นเจ้าพนักงานสังกัดการประถมศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม  มีหน้าที่ขับรถของส่วนราชการนั้น  นายมิ่งร่วมกับนายแมวซึ่งเป็นลูกจ้างประจำของการประถมศึกษาดังกล่าวลักดูดน้ำมันรถของส่วนราชการซึ่งตนมีหน้าที่ขับไปขายต่อ  ดังนี้  ข้อใดถูกต้อง
          ก. นายมิ่งและนายแมวผิดเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗
          ข. นายมิ่งผิดเป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗  ส่วนนายแมวรับผิดเป็นผู้ใช้ตามมาตรา ๑๔๗, ๘๔
          ค. นายมิ่งผิดเป็นเจ้าพนักงานยักยอกตามมาตรา ๑๔๗  ส่วนนายแมวผิดเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๑๔๗, ๘๖
          ง. นายมิ่งผิดเป็นเจ้าพนักงานยักยอกตามมาตรา ๑๔๗  ส่วนนายแมวไม่มีความผิดเพราะตนเองไม่ใช่เจ้าพนักงาน
(ตอบ  ค.  พนักงานขับรถมีหน้าที่ดูแลรักษาน้ำมันในรถยนต์นั้นด้วย  เมื่อเอาไปขายจึงเป็นการเบียดบังทรัพย์ที่ตนมีหน้าที่ดูแลผิดมาตรา ๑๔๗  ส่วนลูกจ้างประจำมิใช่เจ้าพนักงานไม่อาจเป็นตัวการร่วมในการกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ได้  เมื่อร่วมกับเจ้าพนักงานกระทำผิดจึงเป็นได้เพียงผู้สนับสนุน)

ข้อ  ๑๐.  จ.ส.ต.เอก  เป็นเจ้าพนักงานตำรวจจราจรแกล้งจับนายมากและแจ้งข้อหาว่าขับรถยนต์ฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดงบริเวณสี่แยกและเรียกเงินจากนายมาก ๕๐๐ บาท  โดยมีนายน้อยซึ่งเป็นเพื่อนกับ  จ.ส.ต.เอกร่วมอยู่ด้วยช่วยพูดในการเรียกเงิน  แต่นายมากไม่ยอมให้  ดังนี้  จ.ส.ต.เอกและนายน้อยต้องรับผิดอย่างไร
          ก. จ.ส.ต.เอกผิดเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา ๑๔๘ ส่วนนายน้อยผิดเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๑๔๘, ๘๖
          ข. จ.ส.ต.เอกผิดเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๙  ส่วนนายน้อยผิดเป็นผู้สนับสนุนตามมาตรา ๑๔๙, ๘๖
          ค. จ.ส.ต.เอกผิดเจ้าพนักงานพยายามใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา  ๑๔๘, ๘๐  ส่วนนายน้อยผิดเป็นตัวการร่วม
          ง. จ.ส.ต.เอกผิดเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบตามมาตรา ๑๔๘  ส่วนนายน้อยผิดเป็นตัวการร่วมตามมาตรา ๑๔๘, ๘๓
(ตอบ  ก.  การแกล้งจับเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ  เมื่อเรียกเงินก็เป็นความผิดสำเร็จทันทีแม้ผู้ถูกเรียกจะไม่ให้หรือยังไม่ได้ให้  ส่วนราษฎรเป็นได้เพียงผู้สนับสนุน)


ข้อ  ๑๑.  การกระทำตามข้อใดไม่เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา  ๑๕๗
          ก. พนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้เกินอำนาจที่จะควบคุม
          ข. ตำรวจแกล้งจับนายดำหาว่าเมาสุราอาละวาดทั้งที่ไม่เป็นความจริง
          ค. เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุม  ขู่เข็ญทำร้ายผู้ต้องหาเพื่อให้รับสารภาพ
          ง. ตำรวจใส่กุญแจมือนางเม้าผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ  แล้วพาเดินตระเวนไปทั่วทั้งตลาดเพื่อให้เกิดความอับอายและไม่ให้คนอื่นเอาอย่าง
(ตอบ  ค.  ฎีกาที่ ๓๖๔/๒๕๓๑  การทำร้ายไม่เกี่ยวแก่หน้าที่ของตำรวจ , ก. ฎีกาที่ ๖๓๗-๖๓๘/๒๕๐๗ ,ข. ฎีกาที่ ๒๔๔๔/๒๕๒๑,  ง. ฎีกาที่ ๗๔๔/๒๕๐๑)

ข้อ  ๑๒.  ข้อใดถูกต้องตามหลักกฎหมายในความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๙
          ก. เพียงแต่เรียกทรัพย์สิน  แต่ผู้ถูกเรียกยังไม่ยอมให้ย่อมไม่เป็นความผิด
          ข. การเรียกรับทรัพย์สินต้องเป็นการเรียกเพื่อตัวเจ้าพนักงานนั้นเองจึงจะเป็นความผิด
          ค. หากเป็นเจ้าพนักงาน  แม้ว่าจะมีหน้าที่หรือไม่มีหน้าที่ในการนั้นก็เป็นความผิดทันทีเมื่อเรียกรับทรัพย์สิน
          ง. การเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด  แม้เพื่อกระทำการอย่างใดในตำแหน่งอันชอบด้วยหน้าที่ก็เป็นความผิด
(ตอบ  ง.  มาตรา ๑๔๙  ความผิดฐานเจ้าพนักงานเรียกรับสินบนนั้นผิดทันทีที่เจ้าพนักงานเรียกทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ  โดยมีเจตนาพิเศษเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการในตำแหน่ง  “ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่”  ข้อสำคัญคือเจ้าพนักงานนั้นต้องมีหน้าที่ในการนั้นด้วย)

ข้อ  ๑๓.  ด.ช.แสบ อายุ ๙ ปี  นึกสนุกขึ้นมาจึงโทรศัพท์แจ้งแก่เจ้าพนักงานตำรวจ ๑๙๑ ที่รับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายว่ามีการวางระเบิดที่บริเวณสวนสนุกและที่อื่น ๆ อีกหลายจุด  ในช่วงวันเด็ก  ดังนี้  ด.ช.แสบ จะมีความผิดเกี่ยวกับความเท็จหรือไม่อย่างไร
          ก. ผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๗ เท่านั้นเพราะไม่ได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวน
          ข. ผิดฐานแจ้งความเท็จว่ามีการกระทำความผิดอาญาตามมาตรา ๑๗๓
          ค. ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานเพราะกระทำไปด้วยความคึกคะนองไม่มีเจตนาพิเศษ
          ง. ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จแก่เจ้าพนักงานเพราะ ด.ช.แสบอายุไม่เกิน ๑๐ ปี กฎหมายยกเว้น
(ตอบ  ข.  เป็นการแจ้งความเท็จว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้น  เทียบฎีกาที่  ๗๐๐๘/๒๕๔๘  การที่เด็กอายุไม่เกิน ๑๐ ปีกระทำผิดเด็กนั้นมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษตามมาตรา ๗๓  วรรคแรก)

ข้อ  ๑๔.  ขณะที่  ด.ต.ชัด  ควบคุมตัวนายกลมซึ่งเป็นแกนนำผู้ชุมนุมประท้วงปิดถนน  นำตัวไปขึ้นรถยนต์สายตรวจไปสถานีตำรวจ  นายแบนพวกของนายกลมเข้าไปช่วยนายกลม  โดยนายแบนเข้ากอดรัดตัว ด.ต.ชัด ไว้  นายกลมก็สะบัดมือดิ้นรนอย่างแรงจนเท้ากระแทกโดนหน้าแข้งของ ด.ต.ชัด  แล้ววิ่งหนีไป  ดังนี้  นายแบนและนายกลมจะมีความผิดฐานใด
          ก. ทั้งนายแบนและนายกลมผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ 
          ข. นายแบนผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสองและผิดฐานกระทำให้ผู้ที่ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังตามมาตรา ๑๙๑  ส่วนนายกลมผิดหลบหนีการคุมขังตามมาตรา ๑๙๐
          ค. นายกลมผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘ วรรคสองและผิดหลบหนีการคุมขังตามมาตรา ๑๙๐  ส่วนนายแบนเป็นผู้สนับสนุนตามตรา ๑๙๐ ,๘๖
          ง. นายแบนผิดกระทำให้ผู้ต้องคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังตามมาตรา ๑๙๑ ส่วนนายกลมผิดหลบหนีการคุมขังตามมาตรา ๑๙๐
(ตอบ  ข.  เทียบฎีกาที่  ๓๒๔๓/๒๕๒๘)

ข้อ  ๑๕.  เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นบ้านนายอ้วนและนายผอม  พบยาบ้าจำนวน ๑๐ เม็ดซุกซ่อนอยู่ในขวดยาเม็ดสมุนไพร  จึงจับกุมนายอ้วนและนายผอมพร้อมยึดยาบ้านั้นไว้เป็นของกลางในคดี  ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจค้นบ้านของบุคคลทั้งสองต่อไป  เจ้าหน้าที่ตำรวจเผลอวางขวดบรรจุยาบ้านั้นไว้ที่โต๊ะ  นายแห้งบิดาของนายอ้วนคว้าขวดยาบ้านั้นเททิ้งลงคูน้ำใต้ถุนบ้านเสียเพื่อช่วยบุตรของตนมิให้ต้องรับโทษ  ดังนี้  นายแห้งจะมีความผิดฐานใด
          ก. ทำลายพยานหลักฐานตามมาตรา ๑๘๔
          ข. ทำลายทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรือรักษาไว้ตามมาตรา ๑๔๒
          ค. เป็นความผิดตามข้อ ก. และ ข. แต่ศาลจะไม่ลงโทษนายแห้งก็ได้เพราะกระทำไปเพื่อช่วยบุตรของตน
          ง. เป็นความผิดตาม ข้อ ก. และ ข. แต่ศาลจะไม่ลงโทษได้เฉพาะความผิดตามมาตรา ๑๘๔  เพราะกระทำไปเพื่อช่วยบุตรของตน
(ตอบ  ง.  ยาบ้านั้นเจ้าพนักงานได้ยึดไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานแล้ว การเอาไปจึงผิดมาตรา ๑๔๒ และเป็นการทำไปเพื่อช่วยผู้อื่นจึงผิดมาตรา ๑๘๔ อีกบทหนึ่ง ผู้กระทำผิดตามมาตรา ๑๘๔ กระทำไปเพื่อช่วยบุตรของตน  ศาลจะไม่ลงโทษก็ได้ตามมาตรา ๑๙๓)

ข้อ  ๑๖.  นายยิ่งแต่งกายเหมือนตำรวจนอกเครื่องแบบแต่งกันตามปกติ  โดยนุ่งกางเกงสีกากีสวมเสื้อยืดสีขาว คาดเข็มขัดหนัง  และไปยืนให้สัญญาณรถยนต์บรรทุกที่ผ่านไปมาให้หยุดเพื่อตรวจแล้วเรียกเงินจากโชเฟอร์  ดังนี้  นายยิ่งจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใดหรือไม่
          ก. เรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๙
          ข. สวมเครื่องแบบโดยไม่มีสิทธิตามมาตรา ๑๔๖
          ค. แสดงตนและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๕
          ง. เป็นความผิดทั้งตามข้อ ก. ข้อ ข. และ ค.
(ตอบ  ค.  ฎีกาที่  ๒๐๙๙/๒๕๒๗  ผู้กระทำผิดตามมาตรา  ๑๔๙ ต้องเป็นเจ้าพนักงาน)

ข้อ  ๑๗.  นายไอซ์ค้ายาเสพติดถูกตำรวจจับได้และอยู่ระหว่างการสอบสวน  นายไอซ์ได้ขอร้องนางฟ้าใสภริยาของ พ.ต.ท.พายุ  พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีให้ช่วยพูดจาเกลี้ยกล่อม พ.ต.ท.พายุ  ให้สั่งไม่ฟ้อง  โดยเสนอให้เงินเป็นค่าตอบแทนในการเจรจาหนึ่งแสนบาทแก่นางฟ้าใส  นางฟ้าใสไม่ยอมกระทำตามที่นายไอซ์ขอร้อง  ดังนี้  นายไอซ์มีความผิดต่อเจ้าพนักงานฐานใดหรือไม่
          ก. ไม่มีความผิดเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิด
          ข. ไม่มีความผิดเพราะนางฟ้าใสไม่ยอมกระทำตามที่ขอร้อง
          ค. มีความผิดฐานพยายามให้สินเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๔, ๘๖
          ง. มีความผิดฐานผู้สนับสนุนนางฟ้าใสในความผิดฐานเป็นคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๓, ๘๖
(ตอบ  ก.  ไม่ผิดเพราะเป็นการเสนอให้ทรัพย์สินแก่ภริยาเจ้าพนักงาน  เพื่อให้ภริยาเจ้าพนักงานจูงใจเจ้าพนักงานอีกทอดหนึ่ง  หากนางฟ้าใสยอมรับเงินนั้นไว้เพื่อตอบแทนในการที่ตนจะใช้อิทธิพลจูงใจ พ.ต.ท.พายุ พนักงานสอบสวนให้สั่งไม่ฟ้องนายไอซ์ นางฟ้าใสผิดเป็นคนกลางเรียกรับสินบนตามมาตรา ๑๔๓ ทันที  ซึ่งการเสนอให้เงินคนกลางไม่มีกฎหมายให้เป็นความผิด)

ข้อ  ๑๘  จ่าสิบตำรวจแม้นได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เสมียนเปรียบเทียบและได้ทำงานในหน้าที่นั้น โดยที่ไม่ได้เซ็นทราบคำสั่ง ในการปฏิบัติหน้าที่เสมียนเปรียบเทียบ จ่าสิบตำรวจแม้นได้ทำการแก้หรือลงจำนวนเงินในสำเนาใบเสร็จให้น้อยลงกว่าต้นฉบับแล้วส่งเงินต่ำกว่าจำนวนที่ได้รับจริง ดังนี้ จ่าสิบตำรวจแม้นมีความผิดฐานใดหรือไม่
          ก.ผิดฐานปลอมเอกสารในหน้าที่ของตนตามมาตรา ๑๖๑,ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามมาตรา ๒๖๖ และผิดยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๓๕๒
          ข. ผิดฐานรับรองเอกสารอันเป็นเท็จตามมาตรา ๑๖๒, และผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗
          ค. ผิดฐานปลอมเอกสารในหน้าที่ของตนตามมาตรา ๑๖๑,ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามมาตรา ๒๖๖ และผิดฐานเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗
          ง. ผิดฐานปลอมเอกสารในหน้าที่ของตนตามมาตรา ๑๖๑,ปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามมาตรา ๒๖๖ แต่ไม่ผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา ๑๔๗
(ตอบ  ค.  ฎีกาที่ ๓๕/๒๕๒๑)

ข้อ  ๑๙. กรณีใดที่ไม่ถือว่าเป็นความผิดฐานช่วยบุคคลมิให้ต้องโทษตามมาตรา ๒๐๐
          ก. เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นเพื่อนลักลอบฆ่าโคแต่ไม่จับ กลับเดินเลี่ยงไปทางอื่นเสีย
          ข. นายตำรวจยิงคนตายแล้วขัดขวางไม่ให้มีการแจ้งความ จดบันทึกประจำวันและสอบสวนเท็จเพื่อช่วยตนเอง
          ค. ผู้ใหญ่บ้านระงับคดีลักกระบือโดยบิดผันเป็นทำให้กระบือตายโดยไม่เจตนา
          ง. รองผู้กำกับการไม่จับกุมผู้ต้องหาว่ายักยอกกลับรู้เห็นเป็นใจให้หลบหนีออกนอกประเทศ
(ตอบ  ข.  ฎีกาที่ ๗๑๗/๒๕๑๑  การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยตนเองมิให้ต้องรับโทษผิดมาตรา ๑๕๗  แต่ไม่ผิดมาตรา ๒๐๐ เพราะมาตรา ๒๐๐ ต้องเพื่อช่วยผู้อื่น,  ก. ฎีกาที่ ๓๗๔/๒๔๗๒ ,ค. ฎีกาที่ ๙๑๒/๒๔๙๘  ,ง. ฎีกาที่ ๑๐๘๘/๒๔๗๕)

ข้อ  ๒๐. ถ้าเจ้าพนักงานผู้กระทำให้ผู้ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังไป  จัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังนั้นกลับคืนมา  อันเป็นเหตุให้งดการลงโทษแก่ผู้กระทำผิดนั้น ดังนี้  ข้อใดไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์
          ก. ต้องให้ได้ตัวผู้ถูกคุมขังคืนมาภายใน ๓ เดือน
          ข. ต้องได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังกลับคืนมาครบจำนวนที่หลุดพ้นไป
          ค. เป็นการทำให้ผู้ถูกคุมขังหลุดพ้นจากการคุมขังโดยเจตนาหรือประมาทก็ได้
          ง. ไม่จำเป็นต้องไปจับตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังกลับคืนมาด้วยตนเอง แต่อาจไปจ้างวานให้คนอื่นจับกลับมาก็ได้
(ตอบ  ค.  เหตุการณ์ลงโทษมีเฉพาะกรณีตามมาตรา ๒๐๕  อันเป็นการกระทำโดยประมาทเท่านั้น)

************************************

1 ความคิดเห็น:

  1. แบบทดสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญาภาคความผิดเกี่ยวกับเจ้าพนักงานและตำแหน่งหน้าที่ (มาตรา ๑๓๖ ถึงมาตรา ๒๐๕)ของ พันตำรวจเอกหญิง ธนพร วุฒิกรวิภาค ผู้ช่วยศาสตราจารย์ (สบ ๔) กลุ่มงานคณาจารย์คณะตำรวจศาสตร์ โรงเรียนายร้อยตำรวจ หากมีข้อสงสัยอย่างไรสามารถแสดงความคิดเห็นได้

    ตอบลบ